วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2555

การเมืองภาคประชาชน


                   
             ระบอบประชาธิปไตยของไทยเป็นระบอบที่มีการเลียนแบบจากชาวตะวัน ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้ประเทศชาติเจริญก้าวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ การสังคม และอื่นๆ ให้เท่าทันกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จากระบอบสมบูรณายาสิทธิราชสู่การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทั้งเหตุการณ์เล็กๆ และเหตุการณ์ใหญ่ครั้งสำคัญที่ทำให้ประชาชนล้มตายอย่างระเนระนาด เหตุผลเนื่องด้วยต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง โดยเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณยาสิทธิราช เป็นระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน แต่ความจริงเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่คิดว่าทุกคนก็คงรู้
                จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองประชาชนมีบทบาทมากต่อการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง เพราะจริงๆแล้ว เขากับการเมืองเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ ยิ่งเขามีการรวมตัวมากเท่าไรอำนาจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เขาว่ากันว่า "การเมืองภาคประชาชนนั้น มันมีความสำคัญ ถ้าไม่ช่วยกัน บ้านเมืองคงเสียหายแย่..."
                ความจริงแล้วการเมืองภาคประชาชนเกิดขึ้นมานานแล้ว เราจะเห็นได้ในสถานที่ทั่วๆไป เช่น ร้านน้ำชา ที่เรียกกันว่า "สภากาแฟ" หรือแม้กระทั้งในบ้านเรา ก็อาจจะเกิดการเมืองภาคประชาชนได้เหมือนกัน รวมทั้งการรวมตัวในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเรียกร้องตามสิทธิที่พวกเขาควรได้รับและต้องการตามอำนาจระบอบประชาธิปไตย การเมืองภาคประชาชนจึงกลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการเมืองที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นและให้เลวลง
                การเมืองภาคประชาชนจะไม่เว้นว่าเขาจะเป็นหญิงหรือชายทุกคนมีสิทธิที่จะทำได้ แต่วิธีการอาจจะแตกต่างกัน บนพื้นฐานหลักของความถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องกระทำกันอยู่แล้ว สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม บนเป้าหมายที่มีคำว่า "เพื่อทุกคน" ได้อยู่อย่างมีความสุข... เพราะหากเรามองถึงปัญหาการเมืองในปัจจุบันยากที่จะแก้ แม้จะรู้ว่าต้นเหตุของปัญหานั้นมันเกิดจากอะไร มีคนเสนอวิธีแก้อยู่มากมาย แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
                หากเราลองย้อนคิด ถึงประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง ใช่เป็นเพราะพลังของการรวมตัวของเราหรือไม่? ทุกคนคงจะตอบว่า "ใช่" ซึ่งแน่นอน ครับ คงไม่มีอำนาจอื่นใดของระบบการเมืองที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นได้ นอกจากการรวมพลังของภาคประชาชนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการที่ถูกต้อง เราในฐานะที่เป็นประชาชน เราสามารถพลิกชะตากรรมของตัวเองได้ สำหรับคนที่คิดจะสู้ แต่คนไม่คิดที่จะสู้ ขอให้จำคำพูดเชลยคนหนึ่งว่า "ไก่เชลย ยังไงก็เป็นไก่เชลย อยู่วันยังค่ำ หาใช่ว่าจะสู้ไม่ได้ แต่ไม่คิดที่จะสู้..." เหมือนกับชีวิตเราที่มีความสามารถ แต่ไม่คิดที่ใช้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติแต่อย่างใด...

โดย : คอลัฟ บินลา

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ดวงไฟแห่งศรัทธา


“จงอย่าให้ดวงไฟแห่งศรัทธา ลดและดับลงก่อนที่คุณจะคืนสิ่งดีๆ ให้สังคม”

              เมื่อพูดถึง "ดวงไฟ" คงทำให้เรานึกถึงแสงสว่างเมื่อตอนที่เราอยู่ในที่มืด ดวงไฟ คือ ตัวที่จะส่องแสงให้เราสามารถเดินต่อไปได้ ไม่ว่าเราจะไปที่ไหน ตราบใดที่ดวงไฟยังให้ความสว่างแก่เรา ต่อให้ ณ ที่นั้นมืดมึนแค่ไหน เราก็สามารถเดินผ่านมันได้ และแม้เส้นทางเดินของเรานั้น อาจจะไม่ดีและเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย มันก็ไม่สำคัญเท่ากับมีแสงสว่างที่ทำให้เราสามารถมองเห็นว่าเส้นทางเดินของเราจะไปถึงเป้าหมายได้

......"ศรัทธา" ในทุกศาสนาย่อมเกิดและมีในตัวของมนุษย์แต่ละคน เพียงแต่ว่าความศรัทธาของมนุษย์แต่ละคนมีมากน้อยย่อมมีความแตกต่างกัน ศรัทธาเกิดจากความเชื่อในสิ่งนั้น ที่สามารถทำให้ใจของมนุษย์ยอมรับมันได้  ความศรัทธาของมนุษย์จึงเป็นสิ่งที่อยู่ในใจ มิได้อยู่ที่คำพูด หรือการกระทำที่ไม่ได้ถูกสั่งมาจากหัวใจ และความศรัทธาย่อมมีมากมีน้อยภายในตัวมนุษย์ บางครั้งมีขึ้นมีลง โดยที่มนุษย์สามารถวัดระดับของมันได้ด้วยตัวของเขาเอง
จะมีสักกี่คนที่มองว่า ศรัทธา เสมือนเป็นดวงไฟชนิดหนึ่งอยู่ในร่างกายมนุษย์ ที่เรียกว่า "ดวงไฟแห่งศรัทธา" ซึ่งไม่มีใครจะสามารถอธิบายให้เขาเข้าใจมากกว่าตัวเขาจะเข้าใจเอง ดวงไฟดวงนี้จะอยู่ในร่างกายมนุษย์ตลอดเวลาหรือไม่ ผมเองก็ตอบให้คุณไม่ได้ และผมเชื่อว่าคุณเองก็ตอบให้ผมไม่ได้ด้วยเช่นกัน เพราะไม่มีใครจะเข้าใจตัวเรามากว่าตัวเราเอง เราลองนึกถึงตอนที่เราได้กระทำความดี อะไรที่ทำให้เราเกิดกริยากระทำสิ่งนั้นได้ ใช่เพราะ เรามี ศรัทธาหรืออิมาน ไหม? เราจะรู้ได้หากเราเคยกระทำความดี ผมเชื่อว่า ความดีจะไม่บังเกิดหากมนุษย์ไร้ศรัทธา......
มนุษย์จึงไม่ควรปล่อยให้ดวงไฟแห่งศรัทธา ของเขาต้องลดและดับลงก่อนที่เขาจะกระทำความดีเพื่อสังคม เพิ่งรู้เกิด ในตัวเขานั้นมีดวงไฟดวงหนึ่งที่ทรงพลังมหาศาล แม้ยามใดก็ตาม หากมนุษย์ยังคงรักษามันได้ และมันมีไว้เพื่ออยู่ในตัวของเขาเหมือนดังดวงไฟที่ส่องแสงสว่างให้กับชีวิต มนุษย์คนหนึ่งจะนับถือศาสนาใดสุดแล้วแต่เขา เพราะนั้นมันเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่ที่สำคัญ“จงอย่าให้ดวงไฟแห่งศรัทธา ลดและดับลงก่อนจะคืนสิ่งดีๆ ให้สังคม”.......
โดย : คอลัฟ บิลา


                                                                                                    กลุ่มอิสระทางความคิดเพื่อการพัฒนา

ณ มุมกลางของฮารอมัย


         

           ค่ำคืนแรกกับการเอี๊ยะตีกาฟที่มัสยิดฮารอมัย ค่ำคืนที่นอนส่วนกลางชั้นล่างของฮารอมัย กับผู้คนมากมาย ที่เข้าร่วมเอี๊ยะตีกาฟซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอิสลาม ยะลา ที่พร้อมทั้งกายและใจอย่างเต็มที่ ที่ล้นปรี่ด้วยความบริสุทธิใจที่จะทำอาม้าลอิบาดะฮฺ ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฏอน
            ท่ามกลางความสว่างเพียงน้อยนิดจากแสงไฟเพียงไม่กี่ดวงที่อยู่รอบนอกของมัสยิด ส่องผ่านเข้ามาทางกระจก และประตูใหญ่หน้ามัสยิด ทอดสายตาผ่านประตูบานใหญ่ออกไปนอกบริเวณมัสยิดเห็นแสงไฟสีส้มอ่อนๆ แล้วสะดุดตา เพราะดูโดดเด่นกว่าไฟดวงอื่นๆ เราจะอ่านหนังสือไหนเกี่ยวกับอะไร หากแต่หนังสือทุกเล่มที่เราอ่านจะไม่โดเด่นเท่าอัลกุรอานอย่างแนนอน แสงไฟส่องทางในยามมืดมิด ชีวิตถูกนำทางด้วยอัลกุรอาน
            หันกลับเข้ามาในมัสยิดอีกครั้ง แล้วกวาดสายตาขึ้นสู่ชั้นสอง ผ่านช่องว่างตรงกลางมัสยิด เห็นความมืดมิดของแสงไฟที่ถูกดับสนิด เห็นช่องโหว่ของโดมที่สูงตระหง่านมีกระจกเรียงเป็นรายรอบ แต่มิมอบแสงเข้ามาแม้เพียงน้อยนิด จึงมองไม่เห็นว่านอกกระจกนั้นเป็นเช่นไร หากปิดใจสนิดแล้วหันหลังให้ออัลกุรอาน ไฉนเล่าเราจะได้รับทางนำ ความมืดมิดแห่งหัวใจทำให้การดำเนินชีวิตหลงไปในทางที่ผิดได้
            โซ่เรียงร้อยลงมาจากกึ่งกลางของโดม เพือยึดและติดตรึงดวงไฟสุดแสนจะงามตา ห้อยหวนช่วงกล่างของมัสยิด โซ่เส้นนี้ไม่สามารถตรึงตราดวงไฟได้ หากมันยังคงอยู่เป็นชิ้นเป็นอันอย่างกระจัดกระจาย หากแต่จะคงทนได้ก็ต่อเมื่อนำมาร้อยเรียงให้เป็นเส้นเท่านั้น มุสลิมเราจะเข้มแข็งได้ก็ต่อเมื่ออยู่กันอย่างเป็นญามาอะฮฺ หากมุสลิมไม่จับกลุ่มเป็นญามาอะฮฺ แน่นอนความสั่นคลอนและความอ่อนแอของมุสลิมก็จะต้องเกิดขึ้น 
                                                                                                                 บทความโดย : Muta-ammik
                                                                                                    กลุ่มอิสระทางความคิดเพื่อการพัฒนา