ระบอบประชาธิปไตยของไทยเป็นระบอบที่มีการเลียนแบบจากชาวตะวัน
ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้ประเทศชาติเจริญก้าวในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ
การสังคม และอื่นๆ ให้เท่าทันกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จากระบอบสมบูรณายาสิทธิราชสู่การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมาย ทั้งเหตุการณ์เล็กๆ
และเหตุการณ์ใหญ่ครั้งสำคัญที่ทำให้ประชาชนล้มตายอย่างระเนระนาด
เหตุผลเนื่องด้วยต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง โดยเปลี่ยนจากระบอบสมบูรณยาสิทธิราช
เป็นระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน แต่ความจริงเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่คิดว่าทุกคนก็คงรู้
จะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองประชาชนมีบทบาทมากต่อการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง
เพราะจริงๆแล้ว เขากับการเมืองเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้
ยิ่งเขามีการรวมตัวมากเท่าไรอำนาจก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น เขาว่ากันว่า "การเมืองภาคประชาชนนั้น
มันมีความสำคัญ ถ้าไม่ช่วยกัน บ้านเมืองคงเสียหายแย่..."
ความจริงแล้วการเมืองภาคประชาชนเกิดขึ้นมานานแล้ว
เราจะเห็นได้ในสถานที่ทั่วๆไป เช่น ร้านน้ำชา ที่เรียกกันว่า "สภากาแฟ"
หรือแม้กระทั้งในบ้านเรา ก็อาจจะเกิดการเมืองภาคประชาชนได้เหมือนกัน รวมทั้งการรวมตัวในพื้นที่ต่างๆ
เพื่อเรียกร้องตามสิทธิที่พวกเขาควรได้รับและต้องการตามอำนาจระบอบประชาธิปไตย
การเมืองภาคประชาชนจึงกลายเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการเมืองที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นและให้เลวลง
การเมืองภาคประชาชนจะไม่เว้นว่าเขาจะเป็นหญิงหรือชายทุกคนมีสิทธิที่จะทำได้
แต่วิธีการอาจจะแตกต่างกัน บนพื้นฐานหลักของความถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องกระทำกันอยู่แล้ว
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม บนเป้าหมายที่มีคำว่า
"เพื่อทุกคน" ได้อยู่อย่างมีความสุข...
เพราะหากเรามองถึงปัญหาการเมืองในปัจจุบันยากที่จะแก้
แม้จะรู้ว่าต้นเหตุของปัญหานั้นมันเกิดจากอะไร มีคนเสนอวิธีแก้อยู่มากมาย
แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
หากเราลองย้อนคิด
ถึงประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมาการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง ใช่เป็นเพราะพลังของการรวมตัวของเราหรือไม่?
ทุกคนคงจะตอบว่า "ใช่" ซึ่งแน่นอน ครับ
คงไม่มีอำนาจอื่นใดของระบบการเมืองที่จะแก้ปัญหาเหล่านั้นได้
นอกจากการรวมพลังของภาคประชาชนต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งความต้องการที่ถูกต้อง
เราในฐานะที่เป็นประชาชน เราสามารถพลิกชะตากรรมของตัวเองได้ สำหรับคนที่คิดจะสู้
แต่คนไม่คิดที่จะสู้ ขอให้จำคำพูดเชลยคนหนึ่งว่า "ไก่เชลย
ยังไงก็เป็นไก่เชลย อยู่วันยังค่ำ หาใช่ว่าจะสู้ไม่ได้ แต่ไม่คิดที่จะสู้..."
เหมือนกับชีวิตเราที่มีความสามารถ แต่ไม่คิดที่ใช้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติแต่อย่างใด...
โดย : คอลัฟ บินลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น