ค่ำคืนแรกกับการเอี๊ยะตีกาฟที่มัสยิดฮารอมัย
ค่ำคืนที่นอนส่วนกลางชั้นล่างของฮารอมัย กับผู้คนมากมาย
ที่เข้าร่วมเอี๊ยะตีกาฟซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอิสลาม ยะลา
ที่พร้อมทั้งกายและใจอย่างเต็มที่
ที่ล้นปรี่ด้วยความบริสุทธิใจที่จะทำอาม้าลอิบาดะฮฺ ในช่วง 10
วันสุดท้ายของเดือนรอมฏอน
ท่ามกลางความสว่างเพียงน้อยนิดจากแสงไฟเพียงไม่กี่ดวงที่อยู่รอบนอกของมัสยิด
ส่องผ่านเข้ามาทางกระจก และประตูใหญ่หน้ามัสยิด ทอดสายตาผ่านประตูบานใหญ่ออกไปนอกบริเวณมัสยิดเห็นแสงไฟสีส้มอ่อนๆ
แล้วสะดุดตา เพราะดูโดดเด่นกว่าไฟดวงอื่นๆ เราจะอ่านหนังสือไหนเกี่ยวกับอะไร
หากแต่หนังสือทุกเล่มที่เราอ่านจะไม่โดเด่นเท่าอัลกุรอานอย่างแนนอน
แสงไฟส่องทางในยามมืดมิด ชีวิตถูกนำทางด้วยอัลกุรอาน
หันกลับเข้ามาในมัสยิดอีกครั้ง
แล้วกวาดสายตาขึ้นสู่ชั้นสอง ผ่านช่องว่างตรงกลางมัสยิด
เห็นความมืดมิดของแสงไฟที่ถูกดับสนิด เห็นช่องโหว่ของโดมที่สูงตระหง่านมีกระจกเรียงเป็นรายรอบ
แต่มิมอบแสงเข้ามาแม้เพียงน้อยนิด จึงมองไม่เห็นว่านอกกระจกนั้นเป็นเช่นไร
หากปิดใจสนิดแล้วหันหลังให้ออัลกุรอาน ไฉนเล่าเราจะได้รับทางนำ
ความมืดมิดแห่งหัวใจทำให้การดำเนินชีวิตหลงไปในทางที่ผิดได้
โซ่เรียงร้อยลงมาจากกึ่งกลางของโดม เพือยึดและติดตรึงดวงไฟสุดแสนจะงามตา
ห้อยหวนช่วงกล่างของมัสยิด โซ่เส้นนี้ไม่สามารถตรึงตราดวงไฟได้
หากมันยังคงอยู่เป็นชิ้นเป็นอันอย่างกระจัดกระจาย
หากแต่จะคงทนได้ก็ต่อเมื่อนำมาร้อยเรียงให้เป็นเส้นเท่านั้น
มุสลิมเราจะเข้มแข็งได้ก็ต่อเมื่ออยู่กันอย่างเป็นญามาอะฮฺ
หากมุสลิมไม่จับกลุ่มเป็นญามาอะฮฺ
แน่นอนความสั่นคลอนและความอ่อนแอของมุสลิมก็จะต้องเกิดขึ้น
บทความโดย
:
Muta-ammik
กลุ่มอิสระทางความคิดเพื่อการพัฒนา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น