วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

ระบบดีวาน (ระบบกระทรวง)ในประวัติศาตร์อิสลาม


ระบบดีวาน (ระบบกระทรวง)ในประวัติศาตร์อิสลาม

โดย  :นส เภาซียะห์ สาอี
นักศึกษาปริญญาโท
สาขาวิชาประวัติศาสตร์และอารยธรรมอิสลาม
มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา


บทนำ
                إن الحمد لله نحمده ونستعينه ونستغفره ، ونعوذ بالله من شرور أنفسنا وسيئات أعمالنا ، من يهده الله فلا مضل له ، ومن يضلل فلا هادي له ، ولن تجد له من دون الله وليا مرشدا

                อิสลามเป็นศาสนาที่สมบรูณ์ ครอบคลุมวิถีการดำเนินชีวิตในทุกๆด้านของมนุษย์อย่างครบถ้วนทั้งทางด้าน จริยธรรม คุณธรรม การปฏิบัติศาสนกิจ เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง และการใช้ชีวิตในสังคม ซึ่งรูปแบบการดำเนินชีวิตของอิสลามนั้นล้วนแต่สร้างความยุติธรรมและความสันติภายในสังคม   ดังอายัต อัลกุรอาน ได้กล่าวไว้ว่า

ความว่า : วันนี้ (หมายถึง ณ วันชุมนุมที่ทุ่งอารอฟะฮฺ ในพิธีฮัจญ์ปีสุดท้ายของชีวิตท่านศาสนทูต(มูฮัมหมัด) ซึ่งได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบรูณ์แล้ว และข้าได้มอบการประทานแก่พวกเจ้าอย่างครบถ้วน และข้าพอใจให้อิสลามเป็นศาสนาของพวกเจ้า[1]

                เพราะฉะนั้น การบริหาร การปกครองในทัศนะอิสลาม เป็นสิ่งจำเป็นที่มุสลิมสจะต้องรับรู้ เอาใจใส่ ดิ้นรนขวนขวาย ให้ได้มาซึ่งการปกครองทึ่ถูกต้อง เที่ยงธรรม เพื่อให้สังคมเจริญ มั่นคงและเจริญก้าวหน้า เหมาะสมกับสภาพที่เอื้ออำนวยต่อชีวิตมนุษย์ในการที่จะประกอบคุณธรรม
จะเห็นได้ว่า การปกครองของอิสลามได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยของท่านนบี ซึ่งเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญให้กับเหล่าบรรดาศอฮาบะฮฺ และผู้เจริญรอยตามท่าน ด้วยเหตุนี้ทำให้การบริหาร การปกครองได้มีวิวัฒนาการโดยเฉพาะในสมัย คูลาฟาอฺ อัรรอชีดีน ตลอดจนราชวงศ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ราชวงศ์อุมัยยะฮฺ อับบาซียะฮฺ อุษมานียะฮฺ เป็นต้น ซึ่งแต่ละยุค แต่ละสมัยก็จะมีรูปแบบการบริหารที่แตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อม และสังคมในสมัยนั้นๆ โดยภาพรวมแล้ว รูปแบบต่างๆที่ถูกนำมาบริหาร ล้วนแล้วแต่สร้างความเป็นระบบ ระเบียบ ความเจริญรุ่งเรืองให้กับอณาจักรอิสลาม
                ระบบดีวานก็เป็นระบบหนึ่งที่ถูกจัดขึ้นในประวัติศาสตร์อิสลาม เป็นระบบที่สร้างความเป็นระเบียบและเป็นการบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการบริหาร การปกครองในอิสลามที่สามารถกระจายงานบริหารไปยังหน่วยงานต่างๆ โดยที่หน่วยงานนั้นๆ ก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบที่แตกต่างกันไป วิวัฒนาการของหน่วยงานเหล่านี้จึงถูกเรียกว่า ดีวาน ผู้เขียนขอเสนอ ความหมายของดีวาน วิวัฒนาการ รวมทั้งดีวานต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยต่างๆ ของประวัติศาสตร์อิสลาม 

ความหมายของดีวาน

นักวิชาการ الماوردي  ได้ให้ความหมายว่า الديوان  คือ สถานที่บันทึกหรือจัดเก็บเอกสารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารและในเรื่องของทรัพย์สิน โดยผู้ที่รับผิดชอบงานนี้ก็คือมาจากเหล่าบรรดาทหารและผู้ทำงานทั่วไป[2]
อัดดีวาน เป็นคำที่มาจากภาษาเปอร์เซีย โดยมความหมายว่า การบันทึกหรือ การรวบรวมเอกสาร ซึ่งคำว่า ดีวาน บ่งบอกถึงสถานที่จัดเก็บหรือบันทึกเอกสารสำคัญต่างๆ
ดีวาน (ديوان) คือ คำในภาษาเปอร์เซีย มีความหมายว่า ทะเบียนหรือสมุดบันทึกและยังใช้เรียกคำนี้ถึงสถานที่เก็บรักษาทะเบียนหรือสมุดบันทึก เล่ากันว่า เหตุที่เรียกเช่นนี้ เป็นเพราะว่าจักพรรดิกิซรอ แห่งจักรวรรดิเปอร์เซียได้ทรงเคยทอดพระเนตรเห็นบรรดาเสมียนกรมต่างก็ก้มหน้าก้มตาขะมักเขม้นปฏิบัติหน้าที่ แสดงท่าทางนึกคิดและอากัปกริยาออกแปลกๆ จักรพรรดิกิซรอ จึงมีดำรัสว่า ‘‘ ดีวานเน๊ฮ์’’ (ديوانه) อันหมายถึง พวกคนบ้า ในภาษาเปอร์เซียน ครั้นต่อมาก็ใช้คำนี้เรียกถึงสถานที่นั่งชุมชนของพวกนี้โดยทิ้งอักษร ฮาอ์ (ديوانه) ออกไปเสีย จนเหลือเป็นคำว่า ‘‘ดีวาน’’  ในยุครุ่งเรืองของอิสลาม คำว่า ‘‘ดีวาน’’ ใช้เรียกถึงทะเบียนหรือสมุดบันทึกตามรากศัพท์ภาษาเปอร์เซีย[3]

ดีวานต่างๆ ในสมัยเคาะลีฟะฮฺอัรรอชีดีน

ส่วนประวัติความเป็นมาของดีวานนั้น เกิดขึ้นในสมัยของเคาะลีฟะฮฺ อุมัร บิน อัลค็อตตอบ แต่ถ้าหากเรามองย้อนถึงสมัยของท่านรอซูลแล้วจะเห็นได้ว่า หน่วยงานต่างๆ ท่านนบีก็ได้เริ่มวางพื้นฐานมาแล้ว เพียงแต่ว่า ไม่ได้ถูกจัดขึ้นอย่างเป็นระบบอย่างเช่นในสมัยของเคาะลีฟะฮฺอุมัร โดยเฉพาะ ในเรื่องของการจัดเก็บภาษี เศาะดากอต เป็นต้น  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพความเป็นจริงและสภาพแวดล้อมในสมัยนั้น
จะเห็นได้ว่า อณาเขตการปกครองของอิสลามในสมัยเคาะลีฟะฮฺอุมัรได้แผ่ขยายอย่างกว้างขวาง ทำให้ชนชาวอาหรับ  ชนเปอร์เซีย และโรมันนั้นผสมผสานกัน และทำให้รายได้ของแผ่นดินได้เพิ่มขยายมากขึ้น ทำให้อุมัรเห็นความสำคัญที่จะต้องทำการบันทึกในหน่วยงานต่างๆ                          
 เคาะลีฟะฮฺอุมัร เป็นผู้ที่นำเอาระบบดีวานจากผู้นำชาวเปอร์เซีย (مرازبة)มาประยุกต์ใช้  หลังจากได้แผ่ขยายยังประเทศต่างๆในเปอร์เซียนั้น ทำให้ทรัพย์สมบัติของชาวเปอร์เซียได้หลั่งไหลเข้ามาเป็นของอณาจักรอิสลาม เคาะลีฟะฮฺอุมัรจึงเห็นสมควรที่จะต้องจัดระบบดีวาน ในสมัยของอุมัรนั้น ทุกๆคนที่เป็นมุสลิมจะได้รับเงินเดือน ซึ่งอุมัรจะให้ความสำคัญแก่ผู้ที่รับเข้าอิสลามาในช่วงแรก และผู้ที่ให้การช่วยเหลือแก่ท่านเราะซูลในช่วงสงคราม จึงได้จัดระบบดีวานนี้ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในการบันทึก ระดับต่างๆ ของประชาชน เริ่มด้วยชนชั้นแรก คือ ผู้ที่มาจากตระกูล อัล-อับบาซ (ลุงของท่านเราะซูล) ชั้นต่อมา คือ ตระกูล อัล-ฮาชิม[4]

สำหรับผู้ที่บันทึก ในสมัยเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงธรรมนั้น เคาะลีฟะฮฺอุมัร เป็นผู้ที่มอบหมายให้กับดีวาน  โดยมีการบันทึกในเรื่องของทรัพย์สินที่มาจากภาษี الخراج และ الجزية  เป็นต้น และทำการบันทึกรายจ่ายของเหล่าบรรดาทหาร เจ้าหน้าที่ ผู้ตัดสินคดี เป็นต้น ในแต่ละหน่วยงานก็จะมีผู้บันทึก หลังจากที่งานต่างๆได้แพร่หลายในอณาจักรโดยเฉพาะในเรื่องของ  الخراج และ الجزية ทำให้มีการแยกเป็นดีวาน النفقة  และ الزمام โดยมอบหมายให้ดีวานเหล่านี้ทำหน้าที่ในการบันทึกรายจ่ายให้กับเหล่าบรรดาทหาร บรรดาข้าราชการ และยังมีดีวานต่างๆที่ทำหน้าที่ทำหน้าที่ในการจดบันทึก รวยชื่อ ระดับชนชั้น ของทหารนั้นก็คือ ดีวาน الجند  ภายใต้ดีวานนี้ ก็จะมี ดีวาน الأساطيل  (กรมทหารเรือ) ดีวาน الثغور(กรมทหารชายแดน) เป็นต้น ส่วนดีวานที่ทำหน้าที่ส่งสารข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่หรือที่อื่นๆ นั้นก็คือ ดีวานالرسائل (กรมจดหมาย) หรือ ดีวาน الإنشاء (กรมการเรียบเรียง)[5]

ซี่งในสมัยเคาะลีฟะฮฺอุมัร อัลค็อตตอบ นั้นรูปแบบของการบริหารงานต่างๆนั้นจะเป็นไปในรูปแบบทั่วไป ทำให้ดีวานต่างๆ ไม่ได้จำกัดถึงเชื้อชาติ หรือภาษา ด้วยเหตุนี้การปกครองของอุมัรนั้น จึงเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของความเสมอภาคโดยไม่จำกัดถึงเชื้อชาติ ภาษา[6]

ในสมัยอุมัรก็เช่นกัน ดีวาน الجند  ได้เกิดขึ้น มีหน้าที่ในการบันทึกและแจกจ่ายเงินเดือนให้กับเหล่าบรรดาทหาร  ดีวาน الخراج  (ภาษีที่ดิน)หรือ الجباية (รวบรวมทรัพย์สินต่างๆ) เพื่อทำการบันทึกรายได้ของกองคลัง (بيت المال) และทำหน้าที่ในการแจกจ่ายทรัพย์สมบัติของกองคลังให้กับผู้ที่สมควรที่จะได้รับ[7]

ดีวานต่างๆ ในสมัยราชวงศ์ อุมัยยะฮฺ
จะเห็นได้ว่า ในสมัยราชวงศ์อุมัยยะฮ์นั้น อณาจักรอิสลามได้แผ่ขยายมากกว่าในสมัยเคาะลีฟะฮ์ อัรรอชีดีน กิจการในสมัยนี้ก็ได้แผ่ขยายมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ทำให้ดีวานก็ได้แผ่ขยายมากขึ้น ดีวานที่สำคัญในสมัยนี้คือ
1.ดีวาน الخراج
الخراج  คือ ภาษีทรัพย์สินที่ได้มาจากที่ดินที่มุสลิมทำการพิชิตได้ตามพันธะสัญญา ภาษีนี้ เป็นสิ่งที่วาญิบถึงแม้ว่าผู้ถือกรรมสิทธิ์เข้ารับอิสลาม[8]
ดีวาน الخراج  (กรมสรรพากร) เป็นดีวานที่สำคัญอย่างยิ่งในสมัยนี้ [9] เป็นดีวานที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลจัดเก็บภาษีที่ดินที่รัฐมุสลิมทำการพิชิตได้ หรืออยู่ภายใต้อำนาจราชอณาจักรอิสลาม
2-ดีวาน الرسائل (กรมจดหมาย) ทำหน้าที่ในการบันทึกหรือเขียนสารจากเคาะลีฟะฮฺไปยังหัวเมืองหรือสถานที่ต่างๆ สารดังกล่าวจะเกี่ยวข้องในเรื่องการบริหาร การเมือง เศรษฐกิจ [10]  และมีหน้าที่คอยบันทึกเอกสาร หนังสือเข้าออกของราชอณาจักร
3-ดีวาน المستغلات  เป็นดีวานที่เก็บรวบรวมทรัพย์สมบัติต่างๆ ซึ่งสมบัติเหล่านั้นเป็นสมบัติของรัฐ โดยรัฐทำการครอบครอง[11]
4-ดีวาน النفقات  (กรมค่าครองชีพ) เป็นดีวานที่ทำการบันทึกและแจกแจงรายจ่ายให้กับให้กับเหล่าบรรดาทหารในระดับชนชั้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งกายของทหาร รวมทั้งรายจ่ายของราชอณาจักร [12]
5-ดีวาน الصدقات ทำหน้าที่ในการสรรหาและแจกจ่ายทรัพย์สินให้กับผู้ที่สมควรที่จะได้รับ[13] โดยเฉพาะแปดจำพวกที่อิสลามได้บัญญัติไว้ในอัลกุรอาน
ความว่า :  แท้จริงทานทั้งหลายนั้น สำหรับบรรดาผู้ที่ยากจน และบรรดาผู้ที่ขัดสน และบรรดาเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมมัน และบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาสนิทสนม และในการไถ่ทาสและบรรดาผู้ที่หนี้สินล้นตัว และในทางของอัลลอฮฺ และผู้ที่อยู่ในระหว่างเดินทาง ทั้งนี้ เป็นบัญญัติอันจำเป็นซึ่งมาจากอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาน[14]
6-ดีวาน الجند  เป็นดีวานที่ทำหน้าที่ในการบันทึกรายชื่อหรือชีวประวัติ รวมทั้งระดับชนชั้นของบรรดาทหาร พร้อมทั้งกำหนดเงินเดือนของทหาร[15]
7-ดีวาน الطراز (กรมออกแบบ) เป็นดีวานที่กำหนด ออกแบบชุดเครื่องแต่งกายให้กับหน่วยงานต่างๆ หน่วยงานบริหารทางราชการ ทหาร เป็นต้น[16] และยังมีหน้าที่ในการออกแบบสัญลักษณ์ต่างๆ ของอณาจักร เช่น ธงชาติ ประทับตรา โลโก้ เป็นต้น
8-ดีวาน البريد(กรมไปรษณีย์) เป็นดีวานในการบริการสื่อสาร ข่าวสารต่างๆและจัดตั้งเครื่องมือในการสื่อสาร ภายในอณาจักรหรือนอกราชอนาจักร ที่เกี่ยวข้องกับศาสนา การเมือง การบริหาร เป็นต้น
จากประวัติศาสตร์ จะเห็นได้ว่า หน่วยงานนี้เริ่มมีรากฐานมาตั้งแต่ในสมัยของท่านรอซูล ดังจะเห็นได้จากการที่ท่านจัดส่งผู้แทนไปยังผู้นำต่างๆ เช่น จักรพรรดิแห่งโรม เปอร์เซีย อียิปต์ และ เอธิโอเปีย เพื่อนำศาสน์ เชิญชวนพวกเขาเหล่านั้นมาสู่อิสลาม
9-ดีวาน الخاتم (กรมสารบรรณ) ผู้ที่ริเริ่มหน่วยงานนี้ คือ มุอาวียะฮฺ บิน อบีซุฟยาน[17] มีหน้าที่ในการตรวจสอบ รับรอง และคุ้มครองเอกสาร จดหมาย หนังสือข้าราชการต่างๆ ก่อนถูกส่งออกไปยังสถานที่ต่างๆ รวมทั้งตรวจสอบเอกสารที่มาจากนอกราชอณาจักรทุกฉบับ นอกจากนั้นยังมีหน้าที่ในการประทับตราและปิดผนึกด้วยเทียนสีแดงเพื่อป้องกันจดหมายถูกเปิดก่อนถึงมือผู้รับ
จากประวัติศาสตร์อิสลาม ดีวานจะจดบันทึกเป็นภาษาโรมันและเปอร์เซีย หลังจากนั้นในสมัยเคาะลีฟะฮฺอับดุลมาลิก และฮีชาม (ราชวงศ์อุมัยยะฮฺ) ก็ได้เปลี่ยนการบันทึกเป็นภาษาอาหรับ

ดีวานในสมัยราชวงศ์อับบาซียะฮฺ
ในสมัยราชวงศ์อับบาซียะฮฺ ได้มีดีวานต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย โดยแต่ละดีวานก็จะมีหน้าที่รับผิดชอบแตกต่างกันไป สมัยนี้ได้นำเอารูปแบบการบริหารจากชาวเปอร์เซีย
ในสมัยนี้เช่นเดียวกันได้มีวิวัฒนาการจากดีวานนั้นมาเป็นกระทรวง (الوزارة)  สามารถนำมาเป็นแบบอย่างให้กับยุคปัจจุบันได้
ดีวานที่มีความสำคัญยิ่งในสมัยนี้ คือ 
ديوان الخراج ، ديوان الدية ، ديوان الزمام ، ديوان الجند ، ديوان الموالي الغلمان وتسجل فيه أسماء موالي الخليفة وعبيده ، وديوان البريد ، وديوان زمام النفقات ، ديوان النظر في المظالم ، ديوان الأحداث والشرطة ، ديوان العطاء  وديوان الجهبذة
-ดีวาน الدية เป็นดีวานทีคอยดูแลทรัพย์สินที่ฝ่ายผู้ฆ่าจ่ายให้แก่ทายาทผู้ถูกฆ่า
-ดีวาน الزمام เป็นดีวานที่คอยควบคุมดูแลพฤติกรรมของพนักงาน หรือเจ้าหน้าที่แต่ละหน่วยงานภายในราชวัง
-ดีวาน الموالي الغلمان เป็นดีวานทีรดูแลติดตามและบันทึกรายชื่อผู้เป็นนายของอัลมาวาลีย์ และผู้เป็นทาส (อัลมาวาลี คือ บรรดาเชลยศึกที่ถูกจับเป็นทาสและได้รับการปล่อยตัวอีกครั้งหนึ่ง)
-ดีวาน زمام النفقات เป็นดีวานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่หรือพนักงานของอณาจักร
-ดีวาน النظر في المظالم เป็นหน่วยงานในการรับฟังและบันทึกการร้องทุกข์ของประชาชน
-ดีวาน الأحداث เป็นดีวานที่ดูแลและควบคุมเหตุการณ์ต่างๆ ภายในราชอณาจักร
-ดีวาน  العطاء เป็นดีวานที่ทำหน้าที่ในการให้ค่าใช้จ่ายหรือค่าครองชีพให้กับหน่วยงานต่างๆ
-ดีวาน الجهبزة  เป็นดีวานที่ทำหน้าที่ในการดูแลและคุ้มครองแก่ผู้ที่มิใช่มุสลิม(أهل الذمة )นอกจากดีวานหลักๆที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยังมีดีวานต่างๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจบริหาร การเมือง และอำนาจตุลาการ นั้นก็คือ ديوان المنح และ ดีวานالأكرهة  [18]
-ดีวาน المنح เป็นดีวานที่ทำหน้าที่ในการควบคุม และติดตามการให้ทุนช่วยเหลือแก่ผู้ยากลำบาก
-ดีวานالأكرهة เป็นดีวานที่คอยควบคุมดูแลและติดตามในการพัฒนา ซ่อมแซม ถนนหนทาง คูระบายน้ำ สะพานและอื่นๆ
ส่วนดีวานที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสมัยนี้ คือ ดีวาน الرسائل[19]

การบริหารส่วนกลางในราชวงศ์อับบาซียะฮฺ จะไม่ค่อยมีส่วนร่วมในการบริหารของประชาชนเท่าใดนัก แต่จะขึ้นอยู่กับฝ่ายที่ถูกจัดขึ้นเป็นการเฉพาะในการทำหน้าที่ในการบริหาร นอกจากเกิดเหตุการณที่ฝ่ายนั้นๆ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น ประชาชนไม่ยอมจ่ายภาษีให้กับรัฐ[20]  เป็นต้น

บทสรุป
จะเห็นได้ว่า ระบบดีวานเป็นระบบที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์อิสลาม และเป็นระบบที่มีวิวัฒนาการตั้งแต่สมัยของท่านรอซูล จนกระทั่งถึงยุคหลังๆ โดยที่ระบบการบริหารอาจจะแตกต่างกันหรือเหมือนกันนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเอกลัษณ์ของแต่ละสมัย
สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งยืนยันได้เลยว่า อิสลามให้ความสำคัญในเรื่องของการบริหาร  การปกครอง สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับทุกๆเวลา สถานการณ์และทุกๆ สมัย
โดยที่รูปแบบในการบริหารนั้นอิสลามไม่ได้กำหนดขอบเขตที่ตายตัวหรือแน่นอนทั้งนี้ขึ้นอยู่ผู้ประยุกต์ใช้เพื่อให้เป็นไปในรูปแบบต่างๆ และที่สำคัญสิ่งเหล่านั้น จะต้องไม่ขัดแย้งกับหลักพื้นฐานของอัลกุรอานและซุนนะฮฺของท่านรอซูล และสร้างความยุติธรรมและความสันติให้กับปวงชน
เพราะฉะนั้น อิสลามเป็นศาสนาที่ครอบคลุมระบอบการดำเนินชีวิตของมนุษย์  เป็นศาสนาที่สอดคล้องกับทุกๆ สถานการณ์ ทุกยุค ทุกสมัย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ ความสันติ ความสงบสุข ความยุติธรรมให้กับสังคม

ความว่า  :และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด นอกจากเพื่อเป็นความเมตตาแก่สากลโลก[21]


บรรณานุกรม

เชากี อบูคอลีล  1987 อัล ฮาฎอเราะฮฺ อัล อารอบียะอฺ กุลียาตุล ดะวะฮฺ อัล อิสลามียะฮฺ  .

มูรอด มูฮัมหมัด อาลี (มปป) อัล อาซาลีบ อัล อีดารียะฮฺ ฟิล อิสลาม ดารุล อิอตีซอม.

อบุล วัสมี่ย์ อาลี เสือสมิง  2545 ร้อยเรื่องสารพันสรรหามาเล่า กรุงเทพฯ :ศูนย์หนังสืออิสลาม

อัซซอลิฮฺ ซุบฮี  2001 อันนูซุม อัลอิสลามียะฮฺ นัชอาตูฮา วาตาเตาวีรูฮา บีรูต : ดารุล อิลมี.

อัตตอบารี อิบนุ ญารีร (มปป) ตารีคุลอุมัม วัลมูลูก เล่มที่ 3 อัลกอฮีเราะฮฺ.

อัล อัจมีย์ รอฟีก (มปป) เมาซูอะฮฺ มุซตอลาฮาต อิลมุตตาริค อัล อารอบี วัล อิสลามียะฮฺ  บีรูต :มักตาบะฮฺ ลุบนาน.

อัลมาวัรดี อาลี บิน มูฮัมหมัด บิน ฮาบีบ(มปป) อัลอะฮฺกาม อัซซุลตอนียะฮฺ วัลวีลายาต อัดดีนียะฮฺ ดารุลกุ บีรูต:  ตุบอิลมียะฮฺ.

ฮาซัน อิบรอฮัม ฮาซัน และ อาลี อิบรอฮีม ฮาซัน อันนูซุม อัล อิสลามียะฮฺ มักตาบะฮฺ อันนะฮฺเฎาะอัลมิซรียะฮฺ อัล กอฮีเราะฮฺ 2002. 



[1] ซูเราะฮฺ อัลมาอีดะฮฺ   5 : 3.
[2] อัลมาวัรดี อาลี บิน มูฮัมหมัด บิน ฮาบีบ อัลอะฮฺกาม อัซซุลตอนียะฮฺ วัลวีลายาต อัดดีนียะฮฺ ดารุลกุตุบอิลมียะฮฺ บีรูต หน้า 249
[3] อบุล วัสมี่ย์ อาลี เสือสมิง ร้อยเรื่องสารพันสรรหามาเล่า ศูนย์หนังสืออิสลาม กรุงเทพฯ 2545 หน้า : 39.
[4] อัตตอบารี อิบนุ ญารีร ตารีคุลอุมัม วัลมูลูก อัลกอฮีเราะฮฺ เล่มที่ 3 หน้า 162.163
[5] .อัล อัจมีย์ รอฟีก เมาซูอะฮฺ มุซตอลาฮาต อิลมุตตาริค อัล อารอบี วัล อิสลามียะฮฺ  มักตาบะฮฺ ลุบนาน บีรูต หน้า 338.
[6] ย่อมาจาก อัซซอลิฮฺ ซุบฮี  อันนูซุม อัลอิสลามียะฮฺ นัชอาตูฮา วาตาเตาวีรูฮา ดารุล อิลมี บีรูต 2001 หน้า 313.
[7].ฮาซัน อิบรอฮัม ฮาซัน และ อาลี อิบรอฮีม ฮาซัน อันนูซุม อัล อิสลามียะฮฺ มักตาบะฮฺ อันนะฮฺเฎาะอัลมิซรียะฮฺ อัล กอฮีเราะฮฺ 2002  หน้า 154.
[8]มูรอด มูฮัมหมัด อาลี อัล อาซาลีบ อัล อีดารียะฮฺ ฟิล อิสลาม ดารุล อิอตีซอม หน้า 39.
[9] ฮาซัน อิบรอฮัม ฮาซัน และ อาลี อิบรอฮีม ฮาซัน หน้า 159.
[10] อัซซอลิฮฺ ซุบฮี  อ้างแล้ว หน้า 314.
[11] เชากี อบูคอลีล อัล ฮาฎอเราะฮฺ อัล อารอบียะอฺ กุลียาตุล ดะวะฮฺ อัล อิสลามียะฮฺ 1987 หน้า: 195.
[12].อัซซอลิฮฺ ซุบฮี  อ้างแล้ว หน้า 314.

[13] อ้างอิงเดียวกัน.
[14] ซูเราะฮฺ อัตเตาบะฮฺ 9 : 60.
[15] อ้างอิงเดียวกัน หน้า 315.
[16] อ้างอิงเดียวกัน.
[17] อ้างอิงเดียวกัน.
[18] ฮาซัน อิบรอฮีม ฮาซัน และ อาลี อิบรอฮีม ฮาซัน หน้า 158.
[19] อ้างอิงเดียวกัน หน้า 159.
[20] อ้างอิงเดียวกัน.
[21] ซูเราะฮฺ อัล-อัมบิยาอฺ 21: 107


ขอขอบคุณ 
นส เภาซียะห์ สาอี
นักศึกษาปริญญาโท
สาขาวิชาประวัติศาสตร์และอารยธรรมอิสลาม
มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น