วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ณ มุมกลางของฮารอมัย


         

           ค่ำคืนแรกกับการเอี๊ยะตีกาฟที่มัสยิดฮารอมัย ค่ำคืนที่นอนส่วนกลางชั้นล่างของฮารอมัย กับผู้คนมากมาย ที่เข้าร่วมเอี๊ยะตีกาฟซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยอิสลาม ยะลา ที่พร้อมทั้งกายและใจอย่างเต็มที่ ที่ล้นปรี่ด้วยความบริสุทธิใจที่จะทำอาม้าลอิบาดะฮฺ ในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฏอน
            ท่ามกลางความสว่างเพียงน้อยนิดจากแสงไฟเพียงไม่กี่ดวงที่อยู่รอบนอกของมัสยิด ส่องผ่านเข้ามาทางกระจก และประตูใหญ่หน้ามัสยิด ทอดสายตาผ่านประตูบานใหญ่ออกไปนอกบริเวณมัสยิดเห็นแสงไฟสีส้มอ่อนๆ แล้วสะดุดตา เพราะดูโดดเด่นกว่าไฟดวงอื่นๆ เราจะอ่านหนังสือไหนเกี่ยวกับอะไร หากแต่หนังสือทุกเล่มที่เราอ่านจะไม่โดเด่นเท่าอัลกุรอานอย่างแนนอน แสงไฟส่องทางในยามมืดมิด ชีวิตถูกนำทางด้วยอัลกุรอาน
            หันกลับเข้ามาในมัสยิดอีกครั้ง แล้วกวาดสายตาขึ้นสู่ชั้นสอง ผ่านช่องว่างตรงกลางมัสยิด เห็นความมืดมิดของแสงไฟที่ถูกดับสนิด เห็นช่องโหว่ของโดมที่สูงตระหง่านมีกระจกเรียงเป็นรายรอบ แต่มิมอบแสงเข้ามาแม้เพียงน้อยนิด จึงมองไม่เห็นว่านอกกระจกนั้นเป็นเช่นไร หากปิดใจสนิดแล้วหันหลังให้ออัลกุรอาน ไฉนเล่าเราจะได้รับทางนำ ความมืดมิดแห่งหัวใจทำให้การดำเนินชีวิตหลงไปในทางที่ผิดได้
            โซ่เรียงร้อยลงมาจากกึ่งกลางของโดม เพือยึดและติดตรึงดวงไฟสุดแสนจะงามตา ห้อยหวนช่วงกล่างของมัสยิด โซ่เส้นนี้ไม่สามารถตรึงตราดวงไฟได้ หากมันยังคงอยู่เป็นชิ้นเป็นอันอย่างกระจัดกระจาย หากแต่จะคงทนได้ก็ต่อเมื่อนำมาร้อยเรียงให้เป็นเส้นเท่านั้น มุสลิมเราจะเข้มแข็งได้ก็ต่อเมื่ออยู่กันอย่างเป็นญามาอะฮฺ หากมุสลิมไม่จับกลุ่มเป็นญามาอะฮฺ แน่นอนความสั่นคลอนและความอ่อนแอของมุสลิมก็จะต้องเกิดขึ้น 
                                                                                                                 บทความโดย : Muta-ammik
                                                                                                    กลุ่มอิสระทางความคิดเพื่อการพัฒนา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น