วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บทบาทของผู้หญิงแห่งอิสลาม


บทเรียนจากรุ่งอรุณแห่งอิสลามแก่พวกเธอในวันนี้ 

โปรแกรมของคุณอาจไม่สนับสนุนการแสดงรูปภาพนี้
คำปราศรัยแก่ที่ชุมนุมมุสลิมะฮฺโดย เมาลานา อบุล อะอฺลา อัล-เมาดูดียฺ อบู อับดุรเราะหฺมาน แปลและเรียบเรียง       พี่น้องมุสลิมะฮฺที่รักทุกท่าน ข้าพเจ้ารู้สึกปิติยินดีที่ได้รับรู้ว่าขบวนการอิสลามได้รับแรงผลักดันจากในหมู่มุสลิมะฮฺของพวกท่านในภูมิภาคนี้ด้วยเช่นกัน ในการที่พวกท่านได้จัดตั้งกลุ่มทำการเผยแผ่อิสลาม บรรดามุสลิมะฮฺที่เข้ามามีส่วนร่วมในญะมาอะฮฺ(กลุ่ม)ของพวกเรามี ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ชาย ทั้งผู้หญิงและผู้ชายมีส่วนร่วมเท่าเทียมกันในการดำเนินชีวิต และกิจการทั้งหลายที่เกี่ยวกับผู้หญิงก็มีความสำคัญเท่ากับส่วนที่เกี่ยวกับ ผู้ชาย ทั้งคู่เป็นสิ่งที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเหมือนกับล้อเกวียนซึ่งจะ ต้องทำหน้าที่ร่วมกันเท่านั้นจึงจะใช้งานได้  
      นั่นมีนัยยะว่าระบบการดำเนินชีวิตทางสังคมไม่สามารถดำเนินงานได้หากทั้งสองแสดงบทบาทไม่ เท่าเทียมกัน อัลลอฮฺได้ทรงกำหนดล้อเกวียนสองล้อนี้ในลักษณะที่ว่า หากล้อหนึ่งเกิดติดขัดหรือหมุนถอยหลัง เกวียนก็จะหยุดเคลื่อนที่ทันที
      นี่จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า เราไม่อาจหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมและความร่วมมือจากผู้หญิงเข้าในทุกขบวนการ ทางสังคม และสำหรับขบวนการอิสลามแล้ว การมีส่วนร่วมของพวกเธอย่อมมีความสำคัญเป็นพิเศษ อันเนื่องจากอิสลามมีเป้าหมายในการที่จะปฏิรูปการดำเนินชีวิตของมนุษย์อย่าง จริงจังบนแนวทางที่อัลลอฮฺทรงกำหนด และแนวทางนี้ต้องการที่จะฝึกอบรมทั้งผู้ชายและผู้หญิงเหมือน ๆ กัน  
      สิ่งที่สำคัญก็คืออัลลอฮฺผู้ ซึ่งในอิสลามนั้นพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่มีค่าคู่ควรแก่การเคารพ ภักดี พระองค์เป็นพระผู้อภิบาลของผู้หญิง เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของผู้ชายด้วยเช่นกัน และความจำเป็นต่อสิ่งที่พระผู้อภิบาลได้ทรงระบุว่าเป็น “การยึดมั่นศรัทธาต่อสัจธรรม” นั้นมีความหมายใช้กับทั้งสองเพศอย่างเท่าเทียมกัน  
      เป้าหมายเพื่อให้ “รอดพ้น” นั้นพระองค์ก็ทรงกำหนดสำหรับผู้ชายและผู้หญิงเหมือน ๆ กัน  นรกซึ่งพระองค์ต้องการจะช่วยเหลือมนุษย์ให้รอดพ้นจากมันนั้นเป็นสถานที่ที่น่าสยดสยองสำหรับผู้หญิงและสำหรับผู้ชายเหมือนกัน สวนสวรรค์ที่พระองค์ทรงสัญญาไว้จะถูกประทานให้แก่ผู้หญิงด้วยความมานะพยายามในการทำความดีของนางมากเท่ากับที่ผู้ชายทำ
      มันเป็นข้อเท็จจริงอีกว่า ภริยา แม่หรือพี่สาวและน้องสาวที่รับนับถืออิสลามด้วยความจริงใจหรือกระทำทุกสิ่ง ทุกอย่างที่อัลลอฮฺโปรดปรานนั้นไม่สามารถเป็นหลักประกันในความปลอดภัยของเขา จากไฟนรกได้ เช่นเดียวกันผู้หญิงก็ไม่สามารถที่จะหวังการช่วยเหลือให้พ้นจากไฟนรกด้วยคุณ ความดีของสามี พ่อ หรือพี่น้องชายของนางที่ปฏิญาณตนศรัทธาในอิสลามหรือจากการกระทำดีของพวกเขา เอง ดังนั้น จึงไม่มีใครได้รับสิ่งใดจากพระผู้อภิบาล เว้นแต่เขาจะต้องอุตสาหะด้วยตัวของเขาเอง
      นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมอิสลามจึงรบเร้าทั้งผู้ชายและผู้หญิงเหมือนกันให้สนใจ ช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากความชั่วและสนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่อาจจะทำให้ เขาหรือเธอห่างไกลจากความกริ้วโกรธของอัลลอฮฺ  และทำให้เขาหรือเธอมีค่าคู่ควรกับรางวัลของพระองค์
ผู้หญิงในยุคแรกเริ่มของขบวนการอิสลาม  
      ประวัติ ศาสตร์อิสลามได้ยืนยันว่าผู้หญิงได้แสดงบทบาทเท่าเทียมกับผู้ชายในขบวนการ อิสลาม อันที่จริงผู้ที่เข้ารับอิสลามเป็นคนแรกก็เป็นผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้คือ ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ มารดา แห่งศรัทธาชน เป็นนางที่คอยปลอบโยนท่านเราะซูลในช่วงแรก ๆ ที่ท่านถูกแต่งตั้งเป็นศาสดา เป็นนางอีกที่ใช้ชีวิตร่วมกับท่านเราะซูลในการประสบกับความทุกข์ยากทุกชนิด เป็นเวลาถึงสิบปี เป็นนางอีกที่รับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดของขบวนการอิสลามในช่วงที่อยู่มักกะ ฮฺ
      นอกจากนี้ผู้ที่เข้ารับอิสลาม 55 คนในระหว่างสามปีแรกแห่งการเผยแผ่ 9 คนเป็นผู้หญิง และบรรดามุสลิมที่ต้องทิ้งครอบครัวเนื่องจากการก่อกรรมทำเข็ญอันโหดร้าย ทารุณที่พวกเขาได้รับจากพวกกาฟิร(ผู้ปฏิเสธศรัทธา) ชาวมักกะฮฺ และต้องถูกเนรเทศไปอยู่ที่อื่นนั้นจำนวน 83 คน และในจำนวนนี้ 18 คนเป็นผู้หญิง
      บรรดามุสลิมรุ่นแรก ๆ ที่ถูกกดขี่ส่วนใหญ่ในมักกะฮฺ นอกจากท่านบิลาล และท่านอัมมารฺแล้ว ยังมีผู้หญิงอีกสามคน คืออุมมุ อุเบส, อุมมุ อัมมาเราะฮฺ และซินนีนะฮฺ  
      เช่นเดียวกับชาวอันศอร(ผู้ช่วยเหลือแห่งเมืองมะดีนะฮฺ) ทั้งชายและหญิงมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกันในการเสียสละทรัพย์สินเงินทอง และอะไรหลาย ๆ อย่างให้แก่พี่น้องชาวมักกะฮฺของพวกเขา ในการตั้งถิ่นฐานใหม่ในมะดีนะฮฺ  
      และ แน่นอนเหลือเกินว่าพวกท่านเองก็คงจะต้องเคยได้ยินเรื่องราวของหญิงที่ดีงาม ชาวมะดีนะฮฺ ซึ่งสิ่งที่นางเป็นห่วงมากในสงครามอุฮุดก็คือความปลอดภัยของท่านเราะซูล  เท่า นั้น เมื่อนางได้รับข่าวว่าสามีของนาง พ่อของนาง และพี่ชายน้องชายของนางถูกฆ่าตายในสนามรบ นางสามารถยอมรับข่าวอันเศร้าสลดนี้โดยปราศจากความทุกข์ใด ๆ แต่นางกลับถามไถ่อย่างกังวลใจถึงความปลอดภัยของท่านเราะซูลซึ่งนางเคารพรัก และเมื่อนางได้เห็นท่านเราะซูล กลับมาจากสนามรบ นางก็ได้ขอบคุณอัลลอฮฺและอุทานออกมาว่า “โอ้ท่านเราะซูลของอัลลอฮฺ ถ้าท่านปลอดภัยก็ไม่มีอะไรจะสูญเสียมากเกินไปสำหรับฉันที่จะทนรับมันได้”  
      ในสมรภูมิเดียวกันนี้มีหญิงคนหนึ่งชื่อ อุมมุ อัมมาเราะฮฺกำลังง่วนอยู่กับการให้น้ำแก่ทหารมุสลิม เมื่อนางเหลือบมองเห็นท่านเราะซูลได้รับบาดเจ็บและถูกพวกศัตรูล้อมกรอบ นางได้ชักดาบออกจากฝักของนางแล้วตรงปรี่เข้าไปช่วยปกป้องท่านเราะซูล นางยืนขวางกลางระหว่างท่านเราะซูลกับข้าศึกจนนางได้รับบาดเจ็บเป็นแผลลึกที่ไหล่ของนาง  
      เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์เหล่านี้เป็นพยานเพียงพอแล้วที่จะยืนยันถึงความจริงที่ว่า ผู้หญิงได้รับใช้อิสลามมากพอ ๆ กับที่ผู้ชายทำ พวกนางต้องทนรับความยากลำบากและความโหดร้ายทุกชนิด และพวกนางก็ไม่ลังเลใจเลยที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองเพื่อ อิสลามพวกนางได้เสียสละชีวิตของพวกนางและสิ่งที่นางครอบครองเพื่ออิสลาม พวกนางต้องตัดญาติขาดมิตรกับญาติสนิทของพวกนางเพื่ออพยพไปจากบ้านเกิดเมือง นอนของตัวเอง ความเสียสละเหล่านี้ของบรรพชนของพวกท่านได้ปูทางเพื่อชัยชนะของ อิสลามและมีอำนาจครอบครองโลก การฟื้นตัวขึ้นมาอีกของอิสลามในปัจจุบันก็ต้องการความเสียสละเช่นเดียวกัน นี้ เพราะฉะนั้นพวกท่านจะต้องดำเนินรอยตามบรรพชนของพวกท่าน และแสดงความศรัทธาของพวกท่านออกมาใน “การยึดมั่นศรัทธาต่อสัจธรรม”
มุสลิมะฮฺวันนี้กับภารกิจที่ต้องทำ  
      บรรดา ผู้หญิงของพวกเราจะต้องกระทำ ณ เวลานี้ก็คือทำครอบครัวของพวกเธอให้สะอาดบริสุทธิ์ ทำให้ครอบครัวของพวกเธอและเพื่อนบ้านของพวกเธอรอดพ้นจากความโง่เขลางมงาย(ญาฮิลียะฮฺ) และความชั่วร้ายต่าง ๆ จัดระเบียบชีวิตครอบครัวของพวกเธอให้เป็นไปตามหลักการอิสลาม โดยให้ห่างไกลจากญาฮิลิยะฮฺทั้งสมัยโบราณและสมัยใหม่
      โปรแกรมของคุณอาจไม่สนับสนุนการแสดงรูปภาพนี้ จากนั้นต้องพยายามที่จะช่วยคนอื่น ๆ ให้พ้นจากเรื่องดังกล่าวข้างต้น และช่วยให้บรรดาผู้หญิงอ่านออกเขียนได้ เช่นเดียวกับการปฏิรูปการศึกษา และการอบรมเลี้ยงดูเด็ก ๆ ของพวกเธอตามระเบียบแบบแผนของอิสลาม  
      หาก พวกผู้ชายของพวกเธอหลงไปในทางที่ผิดและหมกมุ่นอยู่กับการกระทำที่เกินขอบเขต ก็พยายามนำพวกเขากลับมายังหนทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าพวกเขากำลังง่วนอยู่กับการทำงานเพื่ออิสลามอยู่แล้ว พวกเธอก็ควรให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่แก่พวกเขา นี่เป็นสิ่งสำคัญที่พวกเธอต้องทำ ณ เวลานี้  
      ขั้นต่อมาพวกเธอจะถูกเรียกร้องให้ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ อีกด้วยเหมือนกัน เพื่อภารกิจนี้พวกเธอจะต้องผ่านการฝึกฝนด้วยหลักสูตรที่เหมาะสม แน่นอนว่าความยุ่งยากอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประสบแก่ผู้หญิงที่ตกลงใจที่จะ ก้าวเดินไปบนหนทางที่ถูกต้อง ก็คือ การต่อต้านของบรรดาผู้อาวุโสในครอบครัวของนาง นี่เป็นสภาพการณ์ที่ยากลำบากยิ่งจริง ๆ แต่พวกเธอจะต้องดำเนินรอยตามตัวอย่างของบรรดามุสลิมะฮฺในยุคแรก ๆ ของอิสลาม  
      อย่างไรก็ตาม แม้ในการเผชิญหน้ากับญาติ ๆ พวกเธออาจตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแอและทำอะไรไม่ได้ กระนั้น พวกเธอก็ไม่ถึงกับอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก เยี่ยงบรรดาผู้หญิงที่อยู่ในยุคญาฮิลิยะฮฺซึ่งในยุคนั้นผู้หญิงถูกลดลงมา อยู่ในสถานภาพที่ต่ำที่สุด มุสลิมะฮฺในยุคนั้นต้องเผชิญกับการต่อต้านของผู้ชายซึ่งเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา อันโหดร้าย และเป็นศัตรูอันเลวร้ายยิ่งต่ออิสลาม ไม่เหมือนกับญาติผู้ชายของพวกเธอในสมัยนี้ที่อาจจะหลงทางผิดไปบ้างแต่พวกพวก เขาก็ยังคงเป็นมุสลิม
      ผู้หญิงในสมัยนั้นยึดมั่นความศรัทธาของพวกนางอย่างเหนียวแน่นด้วยความอดทน และเผชิญหน้าอย่างอาจหาญกับสิ่งที่ยากลำบากเกินกว่าที่พวกเธอในปัจจุบันนี้จะคาดคิด ชีวิตของพวกนางก็ยังสามารถทำหน้าที่ดั่งดวงประทีปแก่ผู้หญิงทั่วทั้งโลกได้
      ข้าพเจ้าใคร่จะขอกล่าวถึงเหตุการณ์บางตอนจากชีวิตของพวกนางดังนี้
ตัวอย่างการยืนหยัดของมุสลิมะฮฺในยุคแรก  
      ขอให้เรามาดูตัวอย่างแรกของท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ สมาชิกในครอบครัวของนางส่วนใหญ่ได้ต่อต้านอิสลามอย่างดุเดือด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนุฟัยลฺน้องชายของนาง หนึ่งในบรรดาญาติชั้นแรกๆคือ อัสวัด กับซัมอฺะฮฺลูกของเขา ซึ่งเป็นมือขวาของอบูญะฮฺล์ ศัตรูตัวสำคัญที่สุดของอิสลาม แต่ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ ไม่เคยละทิ้งการมีส่วนร่วมกับท่านเราะซูลเลย อันที่จริงนางได้สนับสนุนท่านเราะซูลอย่างสุดตัว และใช้จ่ายเงินทองเพื่อสนับสนุนท่านโดยไม่สนใจถึงความเป็นปรปักษ์ต่ออิสลาม ของสมาชิกในครอบครัวของนางเลยแม้แต่น้อย  
      คนต่อมาคือท่านหญิงอุมมุสะลามะฮฺ เป็นหญิงที่มาจากครอบครัวที่ประกาศเป็นศัตรูต่อท่านเราะซูล  นาง เป็นญาติชั้นแรกของ อบูญะฮฺล์ ศัตรูตัวสำคัญของอิสลาม อับดุลลอฮฺน้องชายของนางไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะทำลายมุสลิม กระนั้นก็ตามท่านหญิงอุมมุ สะลามะฮฺ ก็ เข้ารับอิสลาม และเมื่อนางไม่สามารถทนต่อการกระทำอันไม่เป็นมิตรจากญาติพี่น้องของนางได้ นางจึงละทิ้งครอบครัวของนางและอพยพไปยังอบิสสิเนีย
      โปรแกรมของคุณอาจไม่สนับสนุนการแสดงรูปภาพนี้ อีกตัวอย่างหนึ่งคือท่านหญิงฟาฏิมะฮฺ บินติ อัล-ค็อฏฏ็อบพ่อของนางคือ อัล-ค็อฏฏ็อบ และลุงของนางคือ อบูญะฮฺล์ พี่ชายแท้ ๆ ของนางคือท่านอุมัร อิบนิ อัล-ค็อฏฏ็อบ และยังเป็นศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่งต่ออิสลามและเคยข่มเหงมุสลิมอย่างรุนแรง ก่อนที่ท่านจะเข้ารับอิสลาม
      ฟา ฏิมะฮฺทราบดีถึงความไม่ปรานีของพ่อและลุงของนางรวมทั้งพี่ชายของนางด้วย แต่ก็เข้ารับอิสลามร่วมกับสามีของนาง เมื่อท่านอุมัรรู้ข่าวนี้เข้าก็มุ่งตรงไปยังบ้านของนางทันที เพื่อจะดูด้วยตัวของท่านเอง ถ้าข่าวที่ท่านได้รับมานั้นเป็นความจริง  
      ใน ขณะที่ท่านเข้าไปใกล้ประตูบ้านของน้องสาวของท่าน ท่านก็ได้ยินโองการอัล-กุรอานบางโองการซึ่งกำลังมีคนอ่านอยู่ในบ้านนั้น แค่นี้ก็มากเกินไปสำหรับท่านแล้ว ท่านพังประตูเข้าไปในบ้านและตีสามีภริยาทั้งคู่อย่างไม่ปรานี ฟาติมะฮฺเลือดออกมากแต่นางก็ไม่ยอมถอยหลังจากทางของอัลลอฮฺเลยแม้แต่นิด เดียว นางบอกพี่ชายของนางอย่างเปิดเผยว่านางยอมตายดีกว่าที่จะยอมหันเหไปจากความ จริงที่นางได้พบแล้ว
      พี่ชายซึ่งเป็นคนที่น่าเกรงขามถึงกับถอยหลังไปนิดหนึ่ง เนื่องจากความมั่นคงและความอดทนของนาง และขอให้นางมอบสิ่งที่นางกำลังอ่านอยู่เมื่อครู่ให้กับท่าน ฟาฏิมะฮฺได้ส่งแผ่นกระดาษที่มีข้อความของซูเราะฮฺฏอฮา ขณะที่ท่านอุมัรอ่านโองการของซูเราะฮฺฏอฮา ความจริงก็ได้ถูกเปิดเผยและแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของท่าน เมื่อท่านอ่านเสร็จจิตใจของท่านก็ได้ถูกกวาดล้างความไม่เลื่อมใสในศาสนาและ ความหลงผิดออกไปจนหมดสิ้น และจิตใจของท่านก็เต็มเปี่ยมไปด้วยอิสลาม
      ฉะนั้น เกียรติอันนี้จึงเป็นของมุสลิมะฮฺผู้หนึ่งที่นางได้ทำให้บุรุษที่ยิ่งใหญ่ อย่างท่านอุมัรเข้ามาอยู่ในร่มเงาแห่งอิสลาม ซึ่งผลงานต่าง ๆ ของท่านอุมัร ก็ได้ถูกบันทึกไว้ในยุคทองแห่งประวัติศาสตร์อิสลาม  
      ตัวอย่างที่น่าประทับใจยิ่งอีกตัวอย่างหนึ่งเป็นเรื่องของท่านหญิงอุมมุ หะบีบะฮฺ นาง เป็นคนตระกูลบนี อุมัยยะฮฺ ซึ่งเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ต่ออิสลาม เด็กทุกคนของตระกูลนี้เปรียบเสมือนงูพิษหรือแมลงป่อง ซึ่งชมชอบที่จะกัดต่อยบรรดาผู้ศรัทธา อบู สุฟยาน พ่อของอุมมุ หะบีบะฮฺ ได้เคยประมือกับท่านเราะซูลในสนามรบ  มาเป็นเวลาถึง 20 ปี ฮินดฺ บินติ อุตบะฮฺแม่ของนางก็เป็นคนที่ล้วงตับออกมาจากร่างของท่านหัมซะฮฺ ผู้เป็นลุงของท่านเราะซูล แล้วเคี้ยว มันอย่างสมแค้น เมื่อท่านฮัมซะฮฺถูกทำร้ายล้มลงในสนามรบ ป้าทางด้านพ่อของอุมมุ หะบีบะฮฺคืออุมมุ ญะมีล ก็คือภริยาของอบู ละฮับ ซึ่งนางอุมมุ ญะมีล ได้ถูกขนานนามไว้ในอัล-กุรอานว่า ผู้แบกเปลวเพลิง(แห่งไฟนรก) ตาของอุมมุ ญะมีล ก็เป็นหนึ่งในบรรดาหัวหน้าเผ่าของพวกกุร็อยชฺ ผู้ซึ่งนำทัพหน้าในการต่อสู้กับ อิสลาม  
      พวก ท่านทั้งหลายในที่นี้คงจะนึกภาพได้ดีว่าเป็นการยากยิ่งเพียงไรที่จะต้องเกิด ขึ้นกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจากครอบครัวดังกล่าวนี้ในการเข้ารับอิสลาม แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นก็คือนางเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่เข้ารับอิส ลามในห้าปีแรกแห่งการเผยแผ่ที่มักกะฮฺ สามีของนางก็เข้ารับอิสลามด้วย และทั้งคู่ก็ได้ถูกกดขี่ข่มเหงอย่างโหดร้ายเป็นเวลาถึง 2 ปี ก่อนที่ทั้งสองจะอพยพไปยังอบิสสิเนีย  
      แต่ ปัญหายุ่งยากของนางก็มิได้ยุติลงเพียงเท่านี้ ในอบิสสิเนีย สามีของนางได้ทิ้งอิสลามแล้วไปเข้าเป็นคริสเตียน อุมมุ หะบีบะฮฺจึงแยกทางจากสามีผู้ทรยศต่ออิสลาม เหมือนอย่างที่นางได้แยกทางจากพ่อแม่ของนาง พี่น้องของนางเพื่ออิสลาม บัดนี้นางจึงถูกทอดทิ้งตามลำพังในเมืองอื่นที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของตัว เอง พร้อมกับลูกน้อยที่ต้องเลี้ยงดู แต่ก็ไม่มีความสะเทือนใจใดที่ยิ่งใหญ่พอที่จะสั่นคลอนความศรัทธาในอิสลามของ นางได้เลย นางมั่นคงประดุจภูผา ความแข็งแกร่งในอีหม่าน(ศรัทธา)ของ นางและความมั่นคงในศีลธรรมของนางเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นอย่างยิ่งที่ทำให้ ท่านเราะซูลไว้วางใจในตัวนางและเลือกนางเป็นภริยาคนหนึ่งของท่าน
      นิกาหฺ(การแต่งงาน) ของนางกับท่านเราะซูลก็กระทำแบบทั้งคู่ไม่ได้อยู่ร่วมในพิธีในขณะที่นางยัง คงอยู่ในอบิสสิเนีย นางกลับมะดีนะฮฺในระหว่างสงครามค็อยบัรสองสามวันต่อมา อบู สุฟยานพ่อของนางก็มาอยู่ในมะดีนะฮฺด้วยเพื่อเจรจาสันติภาพกับมุสลิม และอบู สุฟยานก็ต้องการความช่วยเหลือจากลูกสาวของเขาเพื่อการเจรจานี้ด้วย นี่เป็นครั้งแรกหลังจากเวลาผ่านไป 13 ปีที่ทั้งสองได้พบกัน พวกท่าน ณ ที่นี้คงยากที่จะเชื่อว่าเมื่อพ่อซึ่งเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาได้พบลูกสาวซึ่ง เป็นมุสลิม และได้เข้าไปนั่งลงบนพรมที่ท่านเราะซูลใช้ นางรีบดึงมันออก และพูดกับพ่ออย่างห้วน ๆ ว่า “ฉันจะไม่ยอมให้ศัตรูของอิสลามนั่งลงบนพรมของท่านเราะซูล”  
      เหล่า นี้คือคุณงามความดีของผู้หญิงมุสลิมที่แท้จริง การที่จะทำให้พวกท่านรอดพ้นจากไฟนรกก็จะต้องซึมซับเอาคุณงามความดีเหล่านี้ เข้าไปด้วยเช่นกัน
      พวก ท่านจะต้องเข้าใจให้ดีว่า สิทธิของผู้ใดที่มีต่อพวกท่านนั้นไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง สามี และลูก ๆ ของพวกท่าน จะต้องไม่เหนือกว่าหรือเท่าเทียมกับสิทธิของอัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ที่ มีต่อพวกท่าน ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์ที่จะได้รับการเชื่อฟังปฏิบัติตามเยี่ยงการเชื่อฟัง ปฏิบัติตามอัลลอฮฺและท่านเราะซูล   พวก ท่านจะต้องไม่ยึดเอาผู้ใดเป็นที่รักในจิตใจของท่านยิ่งไปกว่าอัลลอฮฺ และเราะซูลของพระองค์และศาสนาของพระองค์ และพวกท่านจะต้องไม่กลัวผู้ใดมากไปกว่ากลัวอัลลอฮฺ
      ถ้า หากพวกท่านฝึกจิตใจของพวกท่านได้ถึงขั้นนี้ มันก็เป็นการง่ายสำหรับพวกท่านในการก้าวเดินไปบนหนทางของอัลลอฮฺ และไม่มีอำนาจใดบนหน้าโลกนี้จะสามารถชักนำพวกท่านออกจากทางนี้ได้
........................
ที่มา muslimahtoday.net

2 ความคิดเห็น: